ในปัจจุบัน การขนส่งสินค้าส่วนใหญ่จะใช้การขนส่งทางทะเล ด้วยเรือประเภท Container Ship จึง
ควรเข้าใจถึงลักษณะและประเภทของ Container ซึ่งจะเป็น Durable Packing เป็นลักษณะตู้ท าด้วยเหล็ก
หรืออลูมิเนียม มีขนาดมาตรฐาน 20 ฟุต และ 40 ฟุต
การขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์
การขนส่งทางทะเล จัดเป็นการขนส่งที่มีความส าคัญที่สุดและใช้มากที่สุด เมื่อเทียบกับรูปแบบการ
ขนส่งอื่น ๆ เนื่องจากมีต้นทุนการขนส่งที่ต่ า และสามารถขนส่งสินค้าได้คราวละมาก ๆ โดยรูปแบบการขนส่ง
ทางทะเลในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์ (Container Box) โดยสินค้าที่จะขนส่ง
จะต้องมีการน ามาบรรจุตู้ (Stuffing) และมีการขนย้ายตู้ขึ้นไว้ บนเรือ Container Ship ซึ่งออกแบบมาเป็น
พิเศษ ส าหรับใช้ในการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์
ทั้งนี้ ท่าเรือที่จะมารองรับเรือประเภทนี้จะต้องมีการออกแบบ ที่เรียกว่า Terminal Design เพื่อให้มี
ความเหมาะสม ทั้งในเชิงวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม
โดยจะต้องประกอบด้วย ท่าเทียบเรือ เขื่อนกั้นคลื่น รวมถึงสิ่งอ านวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งผู้ที่ศึกษา
ในด้าน Logistics จะต้องให้ความสนใจในการที่จะศึกษาเกี่ยวกับการขนส่งด้วยระบบคอนเทนเนอร์ให้เข้าใจ
อย่างลึกซึ้ง
คุณลักษณะของตู้คอนเทนเนอร์ (Container Box)
ตู้คอนเทนเนอร์จะเป็นตู้ขนาดมาตรฐาน อาจท าด้วยเหล็กหรืออลูมิเนียม มีโครงสร้างภายนอกที่
แข็งแรงสามารถวางเรียงซ้อนกันได้ไม่น้อยกว่า 10 ชั้น โดยจะมียึด หรือ Slot เพื่อให้แต่ละตู้จะมีการยึดติดกัน
ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีประตู 2 บาน ซึ่งจะมีรายละเอียด ระบุหมายเลขตู้ (Container Number)
น้ าหนักของสินค้าบรรจุสูงสุด ฯลฯ เมื่อปิดตู้แล้วจะมีที่ล็อกตู้ ซึ่งใช้ในการคล้องซีล (Seal) ซึ่งเดิมนั้นเป็นตะกั่ว
แต่ปัจจุบันจะเป็น Plastic มีหมายเลขก ากับ ส าหรับใช้ในการบ่งชี้สถานะภาพ ซึ่งได้มีการพัฒนาไปถึง
Electronic Seal ซึ่งสามารถเข้าไปตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิคส์ (Electronic Tracking) หาต าแหน่งของการ
เคลื่อนย้ายตู้สินค้า และภายในตู้คอนเทนเนอร์ จะมีพื้นที่ส าหรับใช้ในการวาง และบรรจุสินค้า
ประเภทของตู้สินค้า อาจแบ่งได้เป็น
1.Dry Cargoes เป็นตู้ที่ใส่สินค้าทั่วไป ที่มีการบรรจุหีบห่อหรือภาชนะ ต้องเป็นสินค้าที่ไม่ต้องการ
รักษาอุณหภูมิ โดยสินค้าที่เข้าตู้แล้ว จะต้องมีการจัดท าที่กั้นไม่ให้มีสินค้าเลื่อนหรือขยับ ซึ่งอาจจะใช้ถุง
กระดาษที่มีการเป่าลม ที่เรียกว่า Balloon Bags มาวางอัดไว้ในช่องว่างของสินค้ากับตัวตู้ หรืออาจใช้ไม้มาปิด
กั้นเป็นผนังหน้าตู้ ที่เรียกว่า Wooden Partition และหากใช้เป็นเชือกไนลอนรัดหน้าตู้ ก็จะเรียกว่า Lashing
2.Refrigerator Cargoes เป็นตู้สินค้าประเภทที่มีเครื่องปรับอากาศ มีการปรับอุณหภูมิในตู้ ซึ่งท า
ตามมาตรฐาน ต้องสามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างน้อย –18 องศาเซลเซียส โดยเครื่องท าความเย็นนี้อาจจะติด
อยู่กับตัวตู้หรือมีปลั๊กใช้กระแสไฟฟ้าเสียบจากนอกตู้ โดยจะต้องมีที่วัดอุณหภูมิแสดงให้เห็นสถานะของ
อุณหภูมิของตู้สินค้า
3.Garment Container เป็นตู้สินค้าที่ออกแบบส าหรับใช้ในการบรรจุสินค้าที่เป็นเสื้อผ้า โดยมีราว
ส าหรับแขวนเสื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้กับสินค้าที่เป็น Fashion ซึ่งไม่ต้องการที่จะมีการพับ หรือบรรจุใน
Packing ที่จะมีผลท าให้เสื้อผ้ามีการยับหรือไม่สวยงาม
4.Open Top เป็นตู้ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องเป็น 40 ฟุต โดยจะออกแบบมาไม่ให้มีหลังคา ส าหรับใช้ใน
การวางสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องจักร ซึ่งไม่สามารถขนย้ายผ่านประตูตู้ได้ จึงต้องขนย้ายโดยการยกส่วนบน
ของตู้แทน